บทสัมภาษณ์ดาวรุ่งสุดโหดอายุ 21 ปี "คริส บัมสเตด" (Chris Bumstead)
ชื่อ: Chris Bumstead
ปีเกิด: 1995 (อายุ 21 ปีขณะให้สัมภาษณ์)
ส่วนสูง: 6’0” – 183 cm
น้ำหนักตอนลงแข่ง: 102 kg – 225 lbs.
น้ำหนักตอนช่วงนอกฤดูการแข่ง (Off-Season): 118 kg – 260 lbs.
คุณเริ่มเพาะกายได้อย่างไร?
เนื่องจากผมเป็นเด็กที่โตมากับการเล่นกีฬาหลายประเภท และเข้าใจว่าถ้าต้องการเป็นที่หนึ่งผมก็ต้องใช้เวลาที่มีฝึกฝนมันด้วยตัวเอง ตอนนั้นผมเลยเข้ายิมอย่างต่อเนื่องและมันก็ทำให้ผมหลงรักการการเล่นเวทตั้งแต่นั้นมา ผมเริ่มพัฒนาตัวเองในจุดที่ผมคิดว่ามันจะทำให้ผมดูดี จนกระทั่งผมมาพบกับคนที่ตอนนี้กลายมาเป็นทั้งเพื่อนสนิทและเป็นแฟนของน้องสาวผมด้วย จึงได้รู้ว่าสิ่งที่ผมคิดตอนนั้นมันไม่ใช่เลย เขาชื่อว่า "Iain Valliere" เขาเป็นคนที่คอยให้คำแนะนำที่สำคัญสำหรับผมตั้งแต่นั้นมาจนถึงทุกวันนี้ เขาเป็นแรงบันดาลใจให้ผมลงประกวดและยังเป็นโค้ชให้ผมตั้งแต่เริ่มต้นจนจบการแข่งขันเลยอีกด้วย
หลังจากที่ผมได้ขึ้นเวทีครั้งแรกผมก็ตกหลุมรักการประกวดเพาะกายตั้งแต่นั้นมา ผมรู้สึกจริง ๆ ว่าผมได้เจอสิ่งที่เหมาะกับผมแล้วล่ะ
คุณได้รับแรงบันดาลใจมาจากไหน?
แรงบันดาลใจของผมมาจากการรักในสิ่งที่ทำ ผมหมกมุ่นในการฝึกมากและชอบที่จะเห็นว่าผมสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้แค่ไหน
ถึงแม้ว่าบางครั้งแรงบันดาลใจของผมจะมาจากสาวน่ารัก ๆ ในยิม แต่มันก็โอเคนะ ฮ่า ๆ แฮ่ก ๆ
โปรแกรมการฝึกแบบไหนดีที่สุดสำหรับคุณ?
โปรแกรมฝึกที่ดีที่สุดสำหรับผมคือ การแยกฝึก 5 วัน (5-day training split) ผมจะฝึกหลัง, อก, ต้นขาด้านหลังและก้น, ไหล่, แล้วก็กล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้าแยกวันกัน หลายคนมักถามผมว่าได้กำหนดวันฝึกชัดเจนไว้ไหมว่าวันไหนฝึกอะไร เช่น จันทร์ฝึกอก พุธฝึกขา คำตอบของผมคือ "ไม่มี" ผมจะเล่นแบบนี้ 5 ส่วนวนไปเรื่อย ๆ และแทบไม่มีวันพักเลย ยกเว้นผมจะรู้สึกว่าอยากพัก
ตารางการฝึกทั้งหมด
เคล็ดลับในการฝึกกล้ามเนื้อขาด้านหน้าให้ได้ผลดีแบบคุณคืออะไร
ความจริงมันไม่ได้มีเคล็ดลับอะไรเลย แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ผมกล้าพูดได้เลยว่ามันมีส่วนสำคัญอย่างมากในการพัฒนากล้ามเนื้อขาทั้งหมดของผมคือการฝึกท่า Squat อยู่เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง และฝึกมันแบบหนักมาก ๆ แม้กระทั่งในขณะที่ผมยังเรียนอยู่สมัยมัธยมผมก็ยังพยายามที่จะฝึก Squat อยู่ตลอดเพื่อเพิ่มความแข็งแรง เพิ่มพละกำลังให้ขาตัวเองสำหรับเอาไว้ใช้กับกีฬาอื่น ๆ ที่ผมเล่น
ผมไม่เหมือนคนทั่วไปในยิมนะที่จะฝึกอกกับแขนทุกวัน ฮ่า ๆ
หากคุณต้องเลือกฝึกได้แค่ 3 ท่า คุณจะเลือกท่าไหนและเพราะอะไร
1. Squats: เป็นท่าที่ผมจะเลือกเป็นอันดับหนึ่ง 100% ผมเชื่อว่ามันมีประโยชน์ต่อการพัฒนากล้ามเนื้อขาและกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวอย่างมาก ท่า Squat เป็นท่าที่ผมชอบเล่นมากที่สุด มันคือท่าที่ใช้วัดขีดความสามารถสูงสุดของผมได้ดีเลยทีเดียว และผมก็ชอบท้าทายตัวเองอยู่เสมอในแต่ละครั้งว่าจะยกได้หนักมากที่สุดเท่าไหร่
2. Incline Dumbbell Press: สำหรับตัวผมเองท่านี้เป็นท่าบริหารอกที่มีลักษณะการเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างเป็นธรรมชาติเมื่อเทียบกับท่าบริหารอกแบบนอนราบ (Flat Press) โดยส่วนตัวแล้วผมยังพยายามที่จะสร้างกล้ามเนื้ออกบนของผมให้มันดูใหญ่ขึ้นและเต็มขึ้นด้วยเพราะเวลาโพสบนเวที อกบนมันจะเป็นส่วนที่เห็นได้ชัดกว่าส่วนอื่น ๆ เช่นในท่า Side Chest และถ้าต้องเลือกท่าฝึกแค่สามท่า ก็ต้องพยายามเลือกท่าที่ทำให้คุณสามารถทำให้กล้ามเนื้อทุกส่วนทำงานให้ได้มากที่สุดใช่ไหม ผมจะเล่นด้วยดัมเบลมากกว่าบาร์เบลเพราะการที่แขนแต่ละข้างออกแรงแยกกัน ทำให้คุณสามารถที่จะโฟกัสร่างกายของคุณได้ทั้งซ้ายและขวา และมันยังช่วยให้รูปร่างของคุณดูสมส่วนมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
3. Bent-Over Barbell Rows: และนี่คือท่าสุดท้ายที่ผมจะเลือก สำหรับผมแล้วการทำให้กล้ามเนื้อหลังแข็งแรงมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ไม่ใช่แค่เพราะเรื่องที่ทำให้กล้ามเนื้อหลังดูมีขนาดที่สมส่วนเท่านั้น แต่ยังเพื่อให้กระดูกสันหลังโดยรวมมีความแข็งแรงอีกด้วย ผมชอบท่า Row เพราะมันทำให้กล้ามเนื้อมัดรองที่ไม่มีส่วนร่วมในสองท่าแรกได้ทำงาน เช่น หน้าแขนกับหัวไหล่ด้านหลัง เป็นต้น
คุณตัดน้ำก่อนแข่งไหม ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยว่ามีกระบวนการอย่างไรบ้างและวิธีไหนที่ได้ผลที่สุดสำหรับคุณ
5 วันก่อนอาทิตย์ที่จะมีการแข่งขันผมจะโหลดน้ำ ผมดื่มน้ำประมาณ 10-22 ลิตรต่อวันเพื่อที่จะกระตุ้นให้ร่างกายของผมขับน้ำออกจากร่างกายอย่างต่อเนื่อง จากนั้นก่อนการแข่งขัน 16 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ด้วย) ผมจะจำกัดการกินน้ำ เพราะว่าร่างกายของผมได้ถูกกระตุ้นให้ขับน้ำออกมามากแล้ว และไม่ได้รับน้ำจากการกินเข้าไปอีกเลย ดังนั้นมันจึงทำให้ร่างกายผมขับน้ำออกไปได้มากและดูแห้งจนเห็นเส้นเลือดขึ้นแบบนั้น
[เป็นการอธิบายให้เห็นภาพคร่าว ๆ เท่านั้น ไม่แนะนำให้ทำตาม ของจริงกระบวนการละเอียดกว่านี้เยอะมากครับ - Admin]
แต่ต้องระวังไว้ด้วยว่ามันสามารถเป็นอันตรายต่อตัวคุณได้ถ้าคุณทำไม่ถูกวิธี และผมไม่แนะนำให้ใครลองทำถ้าไม่มีความรู้ความเข้าใจในกระบวนการตัดน้ำหรือทำโดยที่ไม่มีโค้ชดูแล
ตารางอาหารของคุณเป็นอย่างไร?
วิธีที่จะอธิบายการกินของผมและทุกสิ่งที่ผมทำที่เกี่ยวกับการเพาะกายก็คือ "ความต่อเนื่อง" ในระหว่างช่วงเตรียมตัวแข่งขันผมจะกินอาหารซ้ำ ๆ เหมือนกัน 6 มื้อทุกวันจนกว่าผมจะต้องการเปลี่ยนแปลงอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ วิธีนี้มันทำให้ผมสามารถบอกตัวเองได้ว่าร่างกายของผมต้องการอะไรและผมสามารถปรับเปลี่ยนบางอย่างได้เพื่อให้ผลออกมาตามที่ตั้งไว้ สำหรับผมแล้วมันเป็นเรื่องสำคัญที่จะไม่เพิ่มอาหารชนิดใหม่ ๆ เข้ามาเมื่อใกล้เวลาการแข่งขัน เพราะผมไม่รู้หรอกว่ามันจะส่งผลกระทบต่อร่างกายของผมอย่างไรบ้าง
ในช่วงเพิ่มน้ำหนัก (Off-Season) ผมจะไม่ค่อยเคร่งมากนัก แต่ก็ไม่ถึงขนาดสั่งพิซซ่าหรือแฮมเบอร์เกอร์มากินทุกวันหรอกนะ แค่กินพอให้ได้แคลอรี่ตามที่ต้องการ และในช่วง Off-Season นี้เองผมก็ยังกิน 6 มื้อ หรือบางที ก็ 7 มื้อต่อวัน รวมแล้วก็ประมาณ 6,500 แคลอรี่ต่อวัน และ 5,000 จาก 6,500 แคลอรีที่กินผมก็ต้องแน่ใจว่ามันมาจากแคลลอรี่ที่ “คลีน” เช่น จากพวกข้าว ไก่ มันฝรั่ง และสเต็ก นอกจากนั้นผมจะเพิ่มคาร์บลงไปอีกก่อนฝึกจากพวกมัฟฟิ่นหรือทิมบิทส์ (ชื่อของขนมโดนัทชนิดหนึ่งที่นิยมกินในแคนนาดา)
การที่จะกินอาหารให้ได้เยอะ ๆ อย่างที่ผมต้องการด้วยการกินเพียงแค่อาหารคลีน ๆ อย่างเดียวตลอดเวลานั้นมันเป็นเรื่องยาก บางครั้งผมจะเพิ่มขนมปังเอเสเคียลกับเนยถั่วอัลมอนด์ไปในมื้อที่ต้องกินไก่กับข้าวด้วย เพราะว่ามันทำให้ผมทานคาร์บได้ง่ายขึ้นและทำให้ผมได้ปริมาณแคลอรี่เพิ่มขึ้นตามที่ร่างกายผมต้องการด้วย แล้วข้างล่างนี้ก็เป็นตัวอย่างของอาหารที่ผมอาจจะกินในช่วงเวลา 8 สัปดาห์ก่อนแข่ง
คุณรับประทานอาหารเสริมอะไรบ้าง?
• Whey
• BCAA’s
• Glutamine
• Creatine Monohydrate
• Vitargo
• R-Alpha Lipoic Acid
• Multivitamin
• Fish Oil
• Vitamin B Complex
• Vitamin C
งานอดิเรกหรือสิ่งที่คุณสนใจนอกเหนือจากการเข้ายิมคืออะไร
งานอดิเรกนอกยิมของผมส่วนใหญ่ก็จะเป็นอะไรที่เกี่ยวกับการเข้าสังคม ผมชอบที่จะออกไปปาร์ตี้กับเพื่อน ๆ ผมโชคดีมากที่มีบ้านพักเล็ก ๆ อยู่หลังหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก และผมชอบไปใช้เวลาอยู่ที่นั่น ผมชอบอยู่ใกล้ ๆ น้ำและผมชอบทำกิจกรรมกลางแจ้ง ในช่วงที่ผมพักผ่อน ผมชอบอ่านหนังสือเพิ่มพูนความรู้ ซึ่งเรื่องส่วนใหญ่ที่อ่านก็จะเกี่ยวกับฟิตเนสหรือบางครั้งก็จะเป็นอะไรก็ได้ที่ผมชอบ
ตอนนี้ผมเป็นนักเรียนอยู่ในมหาลัย ดังนั้นเวลาของผมส่วนใหญ่จะหมดไปกับการเรียนและเข้าห้องแล็ป
คติประจำใจของคุณคือ?
“สิ่งที่เป็นอันตรายมากกว่าสิ่งอื่นใดสำหรับคนเรานั้นไม่ใช่การตั้งเป้าหมายไว้สูงเกินไปแล้วไปไม่ถึง แต่มันคือการประสบความสำเร็จจากการตั้งเป้าหมายไว้ต่ำเกินไปต่างหาก”
– Michelangelo
ที่มา: Simplyshredded.com
แปลโดย: มาดามเฮง
เรียบเรียงโดย: Admin F Muscle Rock
29.10.2016
เอฟ ยุทธนา ชูสง
- Founder of Muscle Rock
- Amatuer Bodybuilder
- 4th Place of Latchford Classic 2011 (Men's Bodybuilding Under 80 kg.)
- Personal Fitness Trainer & Online Fitness Consultant
- Former Mechanical & Design Engineer
- Content Editor of Muscle Rock 2012 - Present
Follow me